วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

นิกายเซน หนังสือ "คำสอนเซน ภาค เซนในสายเลือด ปรมาจารย์ตั๊กม้อ"-บทที่ 21 ธรรมชาติยังคงอยู่

บทที่ 21 ธรรมชาติยังคงอยู่

สรรพ สัตว์ทั้งหลาย การมาสู่ด้วยความยินดีของท่านในภพชาติ แท้ที่จริงมันเป็นการมาเพื่อที่จะต้องจากไปอยู่อย่างนั้นอยู่แล้ว มันเป็นการมาที่ถูกตรึงไปด้วย "เหตุและผล" เหตุและผลแห่งการที่จะต้องมาๆไปๆ ไปๆมาๆ บนเส้นทางที่ไม่มีจุดจบแห่งการถูกบังคับพาไป ในเนื้อหาแห่งการ "ต้องเกิด" ด้วยอำนาจแห่งอวิชชาแต่เพียงเท่านั้น การดำรงอยู่ด้วยความเกี่ยวพันอยู่ตลอดเวลาแห่งความมีความเป็น มันจึงถูกบรรจุซึ่งเต็มไปด้วยรสชาติความรู้สึกต่างๆ ในความเป็นไปแห่งการดำรงชีวิต ที่เรียกมันว่า "ประสบการณ์" ความทุกข์ที่ได้รับก็ล้วนแต่ไม่เคยมีใครสักคน เข็ดหลาบในรสชาติความร้อนรนแห่งมัน เพราะด้วยความทะยานอยากอย่างมากมายในใจแห่งมนุษย์เป็นที่ตั้ง ความมุ่งหวังเหล่านี้จึงกลบหน้าตาอันแท้จริงของธรรมชาติไป ความทุกข์จึงเป็นครูสอนปุถุชนผู้มืดบอดได้แต่เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ทุกชีวิตล้วนแต่มีความตายรออยู่เบื้องหน้า อันเป็นจุดสุดท้ายในภพนั้นๆอยู่เสมอ เมื่อกระบอกม่านตาจะต้องปิดลงเป็นครั้งสุดท้าย ในปลายทางเส้นชัยแห่งความตายนั่นเอง ความมืดมิดในดวงตาของท่าน มันทำให้ไม่รู้ความจริงเลยว่า ในความตายที่กำลังจะมาเยือน ในความหมายของชีวิตที่กำลังจะถูกพลัดพรากไป แท้ที่จริงแล้ว ในความตาย "ชีวิตที่แท้จริง" ก็ยังคงอยู่

ในบางครั้งในบางขณะ การได้ถอนหายใจแรงๆให้กับตนเองสักเฮือกหนึ่ง เพื่อหาพื้นที่แห่งเสี้ยวเวลา ปลดปล่อยใจตนเองออกจากความรู้สึกตรงนั้น มันบ่งบอกได้ว่าชีวิตนี้ได้ตกระกำลำบากมามากแล้วเพียงไหน ความถูกอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่ถูกบีบคั้น ที่มีสาเหตุมาจากมุมมองในชีวิตแห่งตน ได้มองผิดไปจากความเป็นจริงแห่งธรรมชาติ อสัจธรรมซึ่งคือธรรมอันไม่ใช่ความจริงทั้งหลาย ที่เราหลงเป็นเนื้อหาเดียวกับมันอย่างไม่ตั้งใจ "ความไม่จริง" ที่เรามองว่ามันเป็นความจริงแท้ จึงทำให้เราหลงติดกับดัก เข้าไปยื้อแย่งความจริงอันเป็นสิ่งลวงนั้นมาเป็นของเราอยู่อย่างนั้น ก็ในความที่มันหามีตัวมีตนไม่ ซึ่งมันตกอยู่ในสภาพที่จะต้องพลัดพรากจากเราไปอยู่เสมอๆ ความเหนื่อยล้าที่จับฉวยคว้าเอาสิ่งที่ไม่เคยมีตัวมีตนอย่างแท้จริง ซึ่งมันไม่มีวันที่จะอยู่กับเราไปได้ตลอดเลย ความพยายามในความล้มเหลวที่รออยู่ในผลของมันเองอยู่แล้วนั้น ก็อาจทำให้เราหมดกำลังใจในการที่จะใช้ชีวิตต่อไป ด้วยความท้อแท้ที่จะพยายามเติมเต็มชีวิตของตนให้ได้ตามที่มุ่งหวัง ก็อยากจะบอกว่า ในความเป็นจริงแล้ว ในความปรากฏแห่งอสัจนั้น สัจจะความเป็นจริงก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หนีหายจากเราไปไหนเลย

ในความมืด อันดำดิ่งจมลึกลงไปในห้วงแห่ง อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ความทะยานอยาก ที่เราไม่รู้และเลือกเอามาเป็นเข็มทิศนำทางชีวิตของเรา การก้าวเดินไปแต่ละก้าว จึงเป็นการก้าวเดินที่ปราศจากความมุ่งหมายในทุกทิศทาง เมื่อมืดจนมองไม่เห็น มันจึงเป็นการก้าวไปที่อาจจะทำให้เรา ก้าวไปเพื่อกลับมาสู่จุดจุดเดิม ที่เราพึ่งก้าวออกมาจากมัน เป็นจุดต้องทนอยู่ด้วยความทุกข์ใจด้วยความโง่เขลา ขาดความมีปัญญาเข้าไปแก้ไขให้กับชีวิตของตนเองอย่างแท้จริง การวนเวียนที่พาให้เรากลับมาสู่ความรู้สึกเดิมๆแบบซ้ำๆอยู่อย่างนั้น มันจึงเป็นความเบื่อหน่ายที่ต้องทนรับความรู้สึกนั้นไว้ และโยนมันออกไปจากใจเราก็ไม่ได้ ก็จงอย่าพึ่งท้อแท้ใจ เพราะความเป็นจริงตามธรรมชาติ ในความมืดมิดแห่งหัวใจ ก็ยังคงมีแสงสว่างแห่งปัญญา ที่ยังฉายแสงเจิดจ้าของมันอยู่อย่างนั้น มันรอเพียงให้เราหยิบไขว่คว้ามันมา เป็นกระบอกไฟฉายที่สามารถส่องทิศทาง ให้เราก้าวเดินไปในหนทางที่ถูกต้อง และเป็นจุดหมายปลายทางอันแท้จริง ที่มนุษย์ทุกคนต้องทำหน้าที่แห่งตน ก้าวไปยังจุดนั้นอยู่แล้ว





“สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ”
“การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง”

ครูสอนเซน
อาจารยฺราเชนทร์ สิมะสุนทร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น